วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552

เสน่ห์มนตราริมฝั่งโขง จากเชียงคานถึงเมืองพญานาค


สีสันชีวิตยามเย็นในลำน้ำโขงเมืองเชียงคาน


“แม่น้ำโขง”หนึ่งในแม่น้ำสายสำคัญแห่งเอเชีย

แม่น้ำสายนี้เต็มไปด้วยเรื่องเล่า ตำนาน ความลี้ลับ ความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นบ่อเกิดแห่งวัฒนธรรมและประเพณีอันหลากหลาย นอกจากนี้ความงามของสายน้ำ ธรรมชาติ เกาะ แก่ง ขุนเขา ป่าไม้ ชุมชน บ้านเรือน วิถีชีวิตที่ผูกพันกับสายน้ำใน 2 ฝั่งโขง ก็ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งผูกมัดให้ผู้หลงใหลในวิถีแห่งสายน้ำตรึงตราอยู่กับ มนต์เสน่ห์เหล่านั้น

สำหรับตัว“ตะลอนเที่ยว”แล้ว แม่น้ำโขงคือมหานทีแห่งชีวิตอันน่าตื่นตาตื่นใจ มากมายเรื่องราวชวนค้นหา นั่นจึงทำให้ในทริปนี้ เราหลีกลี้จรลีหนีความวุ่นวายจากเมืองหลวง เดินหน้าสู่อีสานเหนือไปพักใจแต่ไม่พักแรงในเส้นทางเลาะเลียบริมฝั่งโขง เพื่อชื่นชมเสน่ห์มนตราของมหานทีแห่งชีวิตสายนี้


ปั่นจักรยานชมเชียงคาน


เชียงคาน ความงามในความเงียบ

ปฐมบทของเส้นทางเลาะเลียบริมโขงเริ่มขึ้นที่เมือง“เชียงคาน” อ.เชียงคาน จ.เลย ดินแดนแรกในอีสานที่สัมผัสกับลำน้ำโขง ณ จุดที่เรียกว่า“ปากเหือง”บ้านท่าดีหมี

พูดถึงเชียงคานแล้วชื่อนี้คงไม่ต้องสาธยายกันมาก เพราะนี่คือเมืองท่องเที่ยวแห่งยุคสมัยที่กำลังดัง กำลังแรง สอดคล้องกับเทรนด์และจริตของคนเมืองยุคใหม่ที่อยากจะหลีกลี้หนีความวุ่นวาย ในเมืองใหญ่ ความเร่งรัดในหน้าที่การงาน มาพักกายคลายใจ เอกเขนก นอน นั่ง ฟังสรรพสำเนียงของความเงียบสงบ(Sound Of Silence) ที่แฝงเจือไว้ด้วยความงามแห่งวิถีอันเรียบง่าย


ป้ายอะไรหว่า?


สำหรับการมาเยือนเชียงคานครั้งนี้ สิ่งแรกที่เราทำคือการไปยืดเส้นยืดสายให้หายเมื่อยจากการนั่งรถมายาวนานด้วย การปั่นจักรยานชมเมืองเชียงคานในช่วงบ่ายแก่ๆของวัน โดยเราเริ่มออกสตาร์ทที่ “วัดท่าคก” (ถ.ชายโขง ซ.20-21) วัดเก่าแก่ที่โดดเด่นไปด้วยโบสถ์ศิลปะล้านช้างอันกระทัดรัดเรียบง่าย

จากนั้นเราบรรจงปั่นเจ้า 2 ล้อย้อนตัวเลขซอยเรื่อยไปบนถนนชายโขง ชื่นชมกับบรรยากาศบ้านเรือน 2 ฟากฝั่ง ที่เป็นดังแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสชื่นชมในความเรียบง่ายแต่ มีเสน่ห์อยู่ในตัว


บรรยากาศยามเย็น ณ ริมโขง


บ้านเรือนที่นี่ด้านหนึ่งหันหน้าออกแม่น้ำโขงด้านหนึ่งหันหน้าเขาหา ถนน ส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้เก่าประตูบ้านเฟี้ยมแซมด้วยบ้านใหม่ที่สร้างอย่างไม่ แปลกแยก บางบ้านดูเงียบเหงาไร้วี่แววคนอยู่ บางบ้านดูมีชีวิตชีวาด้วยสมาชิกอันอบอุ่นในครอบครัว บางบ้านปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นเป็นที่พัก เกสต์เฮาส์ ราคาประหยัด บางบ้านเปิดเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร ร้านนวดแผนโบราณ เรียกว่าเป็นการปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย

เราปั่นชมวิถีสีสันเมืองเชียงคานบนถนนชายโขงไปจนถึง“วัดศรีคุนเมือง” (ซ.6-7) วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองแหล่งรวมศิลปะล้านนาและล้านช้าง ที่นี่ “ตะลอนเที่ยว” เข้าไปไหว้พระประธานชื่นชมศิลปะภายในโบสถ์ ก่อนเปลี่ยนเส้นทางการปั่นออกไปยังถนนบนสันเขื่อนเพื่อสัมผัสกับบรรยากาศริม ฝั่งโขงอย่างใกล้ชิด พร้อมเฝ้าชมดวงตะวันลาลับขอบฟ้าอันเป็นอีกหนึ่งมนต์ขลังของเชียงคานที่ผู้มา เยือนไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวง


ร้านรวงยามราตรีที่เชียงคาน


หลังแสงสุดท้ายของวันลาลับ แสงแห่งราตรีเข้าแทนที่ ร้านรวงจำนวนหนึ่งบริเวณเฮือนหลวงพระบางย่านดาวน์ทาวน์สำคัญดูคึกคักเล็ก น้อย จากการเปิดขายของที่ระลึก ผลิตภัณฑ์ชุมชน ที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาซื้อของชื่นชมกันพอประมาณ ก่อนที่ม่านวิกาลจะค่อยคลี่คลุมเมืองนี้ให้กลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง


เชียงคานยามเช้ากับวิถีการตักบาตรข้าวเหนียวของนักท่องเที่ยว


ตักบาตรข้าวเหนียว เที่ยวแก่งคุดคู้

วันเวลาที่เชียงคานอาจเดินช้าในความรู้สึกของใครหลายๆคน แต่ว่ากับ“ตะลอนเที่ยว”แล้ว เช้านี้มันมาถึงเร็วเป็นพิเศษ เพราะถ้าไม่รีบตื่นแต่เช้าตรู่ก็จะพลาดการตักบาตรข้าวเหนียวที่เรานัดกับ เจ้าของที่พักไว้ให้ตระเตรียมข้าวของไว้สำหรับใส่บาตร

เวลาประมาณ 6 โมงเช้า พระ-เณร แต่ละวัดได้ทยอยเดินเป็นแถวมาให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวใส่บาตรกันอย่างแช่มชื่นอิ่มเอิบใจ


ช่วงหน้าแล้งแก่งคุดคู้จะสวยงามด้วยแก่งหินใหญ่และชายหาดน้ำจืด


จากนั้นช่วงสายของวันนั้นเราล่ำลาถนนชายโขงไปแวะชม “แก่งคุดคู้” อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวอันขึ้นชื่อของเชียงคาน มีลักษณะเป็นแก่งหินขนาดใหญ่พาดขวางกลางลำน้ำโขงที่เชี่ยวกราก ยามหน้าฝนแก่งคุดคู้จะซ่อนตัวอยู่ใต้ลำน้ำโขงที่ไหลบ่าเป็นปริมาณมาก รอวันเผยตัวอวดโฉมความงามในช่วงหน้าแล้งที่สายน้ำโขงแห้งขอดมองเห็นตัวแก่ง ขนาดมหึมาได้อย่างชัดเจน พร้อมๆกับหาดทรายชาดหายน้ำจืดอันสวยงามในบริเวณนั้น ซึ่ง ณ ที่นี่ เราเดินทางเลาะเลียบสายน้ำโขงมุ่งหน้าต่อไปยังจังหวัดหนองคายเมืองพญานาคอัน เลื่องชื่อ


ห้อง ซอก ซอย มากมายในถ้ำดินเพียง


ท่องเมืองพญานาค

เมื่อเข้าเขตหนองคาย จุดแรกที่เราไปเยือนคือ“ถ้ำดินเพียง” วัดถ้ำศรีมงคล (บ้านดงต้อง ต.ผาตั้ง อ.สังคม) สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติแห่งใหม่ที่แม้ระบบการจัดการยังไม่ลงตัวนัก แต่ว่านี่คือหนึ่งในสถานที่ที่ตอกย้ำความเป็นเมืองพญานาคของหนองคายได้เป็น อย่างดี โดยเฉพาะเรื่องเล่าขานต่างๆนานๆเกี่ยวกับงูใหญ่ ผนวกกับรูปลักษณะภายในถ้ำอันน่าพิศวง ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่านี่คือเมืองพญานาค ที่สามารถเดินทางไปใต้ลำโขง ไปๆมาๆระหว่างหนองคายกับเวียงจันทน์ได้

นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าว่าในถ้ำแห่งนี้เป็นเส้นทางที่พระธุดงด์จาก ลาวใช้ข้ามฝั่งลอดใต้แม่น้ำโขงเข้ามายังเมืองไทย เป็นถ้ำที่ต้องเป็นพระผู้ทรงศีลอันแก่กล้าเท่านั้นจึงจะเห็นเส้นทางสัญจรดัง กล่าว ส่วนเราๆท่านๆนั้นสามารถเข้าไปเที่ยวในถ้ำได้ แต่เป็นในเส้นทางของมนุษย์ทั่วไป ไม่ใช่เส้นทางของผู้บำเพ็ญเพียร ซึ่งถ้ำดินเพียงนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความตื่นเต้น ท้าทาย โดยต้องมีผู้นำทางเข้าชม และผู้เข้าชมก็ต้องมีร่างกายแข็งแรง ไม่เป็นโรคไขข้อ เนื่องจากการเข้าถ้ำต้องย่อ หมอบ ลอด มุด คลานสูง คลานต่ำ และแถเถือกไถเลื้อยไปดังพญานาคในหลายๆช่วง เริ่มประเดิมตั้งแต่ปากทางเข้าถ้ำที่ต้องมุดซอกหินเข้าไป


คลานลุยน้ำ เที่ยวแบบผจญภัยในถ้ำดินเพียง


จากนั้นภายในถ้ำจะเป็นเพียงช่องเล็กๆแคบๆขนาดตัวคนให้เคลื่อนกาย สารพัดวิธี(ที่กล่าวมาในข้างต้น)ไปตามเส้นทาง ซึ่งภายในมีห้อง ช่อง ซอก ซอย ที่มากด้วยส่วนโค้ง ส่วนเว้า อันเกิดจากการกัดเซาะของน้ำใต้ดินจำนวนมากนับเป็นพันๆ หลายช่องทางสามารถเดินทะลุเชื่อมถึงกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้งในเส้นทางเที่ยวถ้ำยังมีสายน้ำตื้นๆไหลเอื่อยๆให้เราตะลุยกันไปเกือบ ตลอดเส้นทาง และเมื่อเราหยุดเพ่งพิจารณาสารพัดช่องทาง อันซอกซอนเหล่านี้ มันอดให้นึกถึงเส้นทางการเลื้อยของงูใหญ่ไม่ได้

สำหรับจุดเด่นๆภายในถ้ำนั้นก็มี ส่วนห้องโถง ห้องหีบศพปู่อินทร์นาคราช ช้างสามเศียร บรรลังก์พญานาค ธิดาพญานาค 3 องค์ ฯลฯ โดยบริเวณทางออกจากมีเจดีย์หินที่เชื่อว่าสร้างถวายแก่พญานาคตั้งโดดเด่นให้ สักการะบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนที่ “ตะลอนเที่ยว”จะล่ำลาเมืองพญานาคแห่งนี้ไปด้วยความทุลักทุเลจากการผจญภัยอัน น่าระทึกใจ


รูปเคารพหลวงปู่เทสก์ ในเจดีย์บรรจุอัฐิ


จบจากการผจญถ้ำอันเหน็ดเหนื่อยแต่สนุก เราเปลี่ยนบรรยากาศมาเที่ยวสบายๆไหว้พระทำบุญในเมืองหนองคายกันบ้าง เริ่มจาก“วัดหินหมากเป้ง” ริมแม่น้ำโขง(บ้านไทยเจริญ ต.พระพุทธบาท อ.ศรีเชียงใหม่) สถานที่ปฏิบัติธรรมของหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

ภายในวัดมีหุ่นขี้ผึ้งของหลวงปู่เทสก์ให้สักการะบูชาริมแม่น้ำโขง ท่ามกลางบรรยากาศแมกไม้อันร่มรื่น โดยก่อนจากเราแวะไปสักการะเจดีย์บรรจุอัฐิหลวงปู่เทสก์ ที่ภายในมีรูปปั้น เครื่องอัฐบริขารพร้อมด้วยชีวประวัติของท่านให้เราศึกษากัน


พระสุธรรมเจดีย์


จากวัดหลวงปู่เทสก์ เราไปต่อเส้นทางบุญกันที่ “พระสุธรรมเจดีย์” วัดอรัญบรรพต (ริมถนนศรีเชียงใหม่-สังคม ต.บ้านหม้อ อ.ศรีเชียงใหม่) ที่สร้างถวายแด่หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ อีกหนึ่งเกจิชื่อดัง ภายในจัดแสดงกึ่งพิพิธภัณฑ์มีโลงทองบรรจุสังขารของหลวงปู่เหรียญให้พุทธ ศาสนิกชนเคารพสักการะ

เสร็จจากการเข้าชมพระสุธรรมเจดีย์ เวลาเดินทางมาถึงช่วงเย็นย่ำ “ตะลอนเที่ยว” จึงเดินทางยาวเข้าสู่ตัวเมืองหนองคายไปหาอะไรอร่อยๆกินแถวร้านริมโขง ก่อนเข้าที่พักนอนเอาแรง เก็บพลังไว้ลุยต่อในวันรุ่งขึ้น


อุโมงค์ชมปลาในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำฯ


เที่ยวตัวเมืองหนองคาย

สำหรับเช้าวันใหม่ ณ ใจกลางเมืองหนองคาย หลังเติมพลังในมื้อเช้าแล้ว จุดท่องเที่ยวแรกที่เราจะไปแวะชมก็คือ “พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจังหวัดหนองคาย” (ตั้งอยู่ใน ม.ขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย อ.เมือง) ภายในเป็นแหล่งรวบรวมปลาน้ำจืดและน้ำเค็ม โดยเน้นเป็นพิเศษที่พันธุ์ปลาน้ำจืดทางอีสานและลุ่มแม่น้ำโขง มีอุโมงค์ชมปลาช่วงเดียวที่ยาวที่สุดในเมืองไทย 34 เมตร ที่ในอุโมงค์ประกอบด้วยปลามากมาย ภายใต้การตกแต่งแบบเมืองบาดาลอันเป็นที่อยู่ของพญานาค


พระธาตุบังพวน


ต่อจากการดูปลาสารพัดสารพันแล้ว “ตะลอนเที่ยว”เดินตามเส้นทางบุญอีกครั้งด้วยการไปสักการะ“พระธาตุบังพวน” ณ วัดพระธาตุบังพวน (บ้านดอนหมู ต.พระธาตุบังพวน อ.เมือง) วัดที่มีพระธาตุบังพวนอันเก่าแก่ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่มีการจำลองสัตตมหาสถาน หรือสถานที่สำคัญ 7 แห่ง ในพุทธประวัติหลังพระพุทธเจ้าตรัสรู้และได้เสด็จไปประทับเสวยวิมุติสุขแห่ง ละ 7 วัน รวมถึงมีสระปัพพฬนาค หรือสระพญานาค ซึ่งในสมัยโบราณเมื่อมีการตั้งเจ้าเมือง มีการนำน้ำในสระนี้ไปสรงเพื่อความเป็นสิริมงคล


หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองหนองคาย


จากวัดพระธาตุบังพวน เราไปต่อยัง“วัดโพธิ์ชัย”เพื่อไหว้ “หลวงพ่อพระใส” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองหนองคาย ที่เมื่อมาเมืองนี้แล้วควรไปสักการะท่านเพื่อความเป็นสิริมงคล


ประติมากรรมหลากรูปแบบที่ศาลาแก้วกู่


ก่อนจะไปปิดท้ายทริปกันที่ “ศาลาแก้วกู่” สถานที่แสดงประติมากรรมปูนปั้นกลางแจ้งขนาดใหญ่อันเกิดจากศรัทธาและแรง บันดาลใจของหลวงปู่บุญเหลือ สุรีรัตน์ ที่มี พระพุทธรูป เทวรูป และรูปปั้นคติเตือนใจหลากหลายรูปแบบ ทั้งในศาสนาพุทธ พราหมณ์ พร้อมหลักธรรมคำสอนให้ศึกษากัน นับเป็นเสน่ห์ความงามแฝงหลักธรรมส่งท้ายในเส้นทางเลาะเลียบลำน้ำโขง ที่หากใครอยากรู้ว่าริมฝั่งโขง งดงาม ชวนหลงใหลแค่ไหน คงต้องหาวันเวลาเดินทางไปสัมผัสในเสน่ห์มนตราริมฝั่งโขงกันสักครั้งหรือ หลายๆครั้ง ตามแต่ใจปรารถนา

*****************************************

การ ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้จัดเส้นทางท่องเที่ยว“เสน่ห์มนตราริมฝั่งโขง”(อีสานเหนือ)ขึ้น ในรูปแบบแพ็คเกจทัวร์ โดยให้ 4 สมาคมท่องเที่ยวภายในประเทศเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งผู้สนใจสามาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ส.ธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ 0-2270-1505-8 ส.ไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย 0-2393-5855 ส.ส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย 0-2961-2204-5 ส.ผู้ประกอบการนำเที่ยวไทย 0-2998-0744

ส่วนผู้สนใจรายละเอียดเส้นทางท่องเที่ยว เชียงคาน หนองคาย สามารถสอบถามข้อเพิ่มเติมได้ที่ ททท.เลย 0-4281-2812 ททท.อุดรฯ(อุดรฯ-หนองคาย) 0-4232-5406-7
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ข่าวเกาให้หายคัน